สโมสร โคโม่ ทีมจากศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่สร้างความสนใจในวงการฟุตบอลยุโรปอย่างมาก หลังผู้บริหารของทีมระบุชัดว่า “การขยายตลาดฟุตบอลอิตาลีออกไปนอกทวีปยุโรป” คือหนทางเดียวที่จะช่วยให้เซเรียอารอดพ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจและกลับมามีศักยภาพในการแข่งขันกับลีกยักษ์ใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก ลาลีกา และบุนเดสลีกาอีกครั้ง แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่ของสโมสรขนาดกลางในอิตาลีที่กล้าออกมาชี้ทิศทางอนาคตของวงการฟุตบอลประเทศตนเอง
จุดเริ่มต้นของถ้อยแถลงนี้มาจากการที่โคโม่ ซึ่งมีเจ้าของเป็นกลุ่มนักลงทุนจากอินโดนีเซีย นำโดยตระกูลฮาร์โตโน ได้แสดงความกังวลถึงแนวโน้มของเซเรียอาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่รายได้รวมของลีกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับลีกชั้นนำในยุโรป แม้ลีกอิตาลียังคงมีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และสโมสรที่เป็นตำนานมากมาย แต่ในเชิงการตลาดและความนิยมทั่วโลกกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนบอลรุ่นใหม่ที่หันไปติดตามฟุตบอลอังกฤษและสเปนมากกว่า
ในแถลงการณ์ของโคโม่ได้ระบุว่า “ฟุตบอลอิตาลีต้องกล้าก้าวออกจากกรอบเดิม ต้องกล้าออกไปเล่นนอกทวีปยุโรป เพื่อสร้างฐานแฟนใหม่ในเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ การจำกัดตัวเองอยู่ในตลาดยุโรปเท่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ลีกเราหยุดนิ่งและค่อย ๆ ถอยหลัง” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงแนวคิดที่ล้ำสมัยและกล้าเสี่ยง ซึ่งต่างจากแนวทางอนุรักษ์นิยมของหลายสโมสรใหญ่ในอิตาลีที่ยังคงพึ่งพารายได้จากสิทธิ์ถ่ายทอดสดภายในประเทศเป็นหลัก
โคโม่เสนอแนวทางอย่างชัดเจนว่าลีกควรหันมาจัดการแข่งขันพิเศษหรือ “เกมนอกทวีป” ในลักษณะของทัวร์นาเมนต์ย่อยหรือแมตช์พิเศษในประเทศต่าง ๆ ที่มีฐานแฟนบอลแข็งแกร่ง เช่น อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไทย หรือสหรัฐอเมริกา เพื่อโปรโมตแบรนด์ของเซเรียอาในตลาดใหม่ ๆ แนวทางนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการฟุตบอลโลก เพราะพรีเมียร์ลีกและลาลีกาได้ทำมาแล้วหลายปี ทั้งในรูปแบบของ “Asia Tour” หรือ “U.S. Summer Series” ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้อย่างมหาศาลและสร้างฐานแฟนบอลระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง
“เราต้องเรียนรู้จากพรีเมียร์ลีกที่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์จากฟุตบอลอังกฤษให้กลายเป็นฟุตบอลระดับโลกได้ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ” หนึ่งในผู้บริหารของโคโม่กล่าว “เซเรียอาในปัจจุบันยังคงยึดติดกับอดีตมากเกินไป เราภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเรา แต่เราไม่สามารถอยู่กับมันได้ตลอดไป หากเราไม่เปิดรับโลกภายนอก เราจะกลายเป็นเพียงลีกแห่งความทรงจำ ไม่ใช่ลีกแห่งอนาคต”
แถลงการณ์นี้ได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลาย บางฝ่ายเห็นด้วยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นในสโมสรอิตาลีหลายทีม เช่น โรม่า, มิลาน และโบโลญญ่า พวกเขามองว่าการขยายตลาดไปต่างประเทศคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากลีกต้องการเพิ่มรายได้ในยุคที่สิทธิ์ถ่ายทอดสดในประเทศเริ่มอิ่มตัวแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงคัดค้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่มองว่าการพาทีมออกไปแข่งนอกทวีปจะทำให้ “จิตวิญญาณของฟุตบอลอิตาลี” สูญหาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โคโม่ได้รับคำชื่นชมคือความกล้าที่จะพูดในสิ่งที่หลายสโมสรคิดแต่ไม่กล้าแสดงออก เพราะในความเป็นจริง เซเรียอากำลังเผชิญกับปัญหารายได้ที่ไม่สมดุลกับค่าใช้จ่าย รายได้จากสิทธิ์ถ่ายทอดสดเริ่มลดลง และจำนวนแฟนบอลที่เข้าชมเกมในสนามก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่หลังยุคโควิด-19 การสร้างตลาดใหม่ในต่างประเทศจึงเป็นแนวทางที่จับต้องได้มากที่สุด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โคโม่เองได้พยายามขยายฐานแฟนบอลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าของทีม พวกเขาจัดกิจกรรมโปรโมตแบรนด์ในหลายเมือง เช่น จาการ์ตา และบาหลี รวมถึงเปิดช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในภาษาท้องถิ่น ทำให้ชื่อของโคโม่เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่แฟนบอลเอเชียอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ สโมสรยังมีแผนในอนาคตที่จะจัดแมตช์พิเศษกับทีมในเอเชียเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแฟนบอลและลีกอิตาลี แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารที่มองไกลกว่าการแข่งขันในสนาม เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าฟุตบอลยุคใหม่ไม่ใช่เพียงเรื่องของผลการแข่งขันเท่านั้น แต่เป็น “ธุรกิจความบันเทิงระดับโลก” ที่ต้องอาศัยการตลาดเชิงลึกและการสื่อสารที่ทันสมัย
ในเชิงเศรษฐกิจ การจัดเกมนอกทวีปจะช่วยเพิ่มรายได้จากหลายช่องทาง ทั้งค่าตั๋วเข้าชม การขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด การตลาดสินค้าของที่ระลึก และการขยายฐานแฟนคลับ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เซเรียอายังขาดอยู่เมื่อเทียบกับพรีเมียร์ลีกและลาลีกา การที่โคโม่กล้าเสนอแนวคิดนี้จึงอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปเชิงโครงสร้างในลีกอิตาลีในอนาคต

สื่อกีฬาชื่อดังของอิตาลีอย่าง La Gazzetta dello Sport วิเคราะห์ว่า แนวคิดของโคโม่ถือเป็น “เสียงเรียกปลุก” สำหรับวงการฟุตบอลอิตาลี เพราะปัจจุบัน ลีกนี้ยังพึ่งพาสโมสรใหญ่ไม่กี่ทีมเป็นหลัก เช่น ยูเวนตุส, อินเตอร์ และมิลาน ขณะที่สโมสรขนาดกลางและเล็กยังคงขาดรายได้จากการตลาดโดยสิ้นเชิง การเปิดโอกาสให้ทีมเหล่านี้ได้มีส่วนร่วมในการโปรโมตลีกนอกทวีปอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น
โคโม่ยังเน้นย้ำว่า การเดินทางไปจัดแมตช์ต่างประเทศไม่ใช่แค่เพื่อโชว์เกมฟุตบอล แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับแฟนบอลในพื้นที่นั้น ๆ พวกเขายกตัวอย่างพรีเมียร์ลีกที่สามารถสร้างฐานแฟนคลับในเอเชียจนกลายเป็นตลาดสำคัญที่สุดในแง่ของผู้ชมทางโทรทัศน์ และเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้รายได้ของลีกเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา
ผู้บริหารของโคโม่กล่าวเสริมว่า “เราต้องทำให้เซเรียอากลับมาเป็นลีกที่มีอิทธิพลระดับโลกอีกครั้ง แฟนบอลรุ่นใหม่ในเอเชียและอเมริกาใต้ต้องรู้จักทีมของเรา ต้องรู้สึกเชื่อมโยงกับนักเตะของเรา นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลอยู่รอดในระยะยาว” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการตลาดยุคใหม่ที่มองฟุตบอลในฐานะ “ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม” ที่สามารถขยายขอบเขตไปทั่วโลก
สำหรับแฟนบอลที่ติดตามข่าวฟุตบอลอิตาลีและวิเคราะห์ทิศทางการพัฒนาในเชิงธุรกิจ การเคลื่อนไหวของโคโม่ถือเป็นสัญญาณที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะมันอาจเป็นต้นแบบของการปรับตัวในยุคที่ฟุตบอลต้องแข่งขันกันด้วยทั้งฝีเท้าและกลยุทธ์ทางการตลาด และสำหรับผู้ที่ต้องการติดตามข้อมูลข่าวสารของวงการฟุตบอลอิตาลีอย่างละเอียด รวมถึงการวิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจในลีกยุโรป สามารถอัปเดตได้ผ่านทาง ufabet เล่นผ่านมือถือ รองรับ iOS และ Android ที่รวบรวมข้อมูลครบถ้วนทั้งข่าว ทีม สถิติ และบทวิเคราะห์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
ในส่วนของการตอบรับจากสโมสรอื่น ๆ ภายในเซเรียอา มีบางทีมเริ่มแสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับโคโม่ในแนวคิดนี้ เช่น อตาลันต้า และโตริโน่ ที่มองว่าการออกไปแข่งขันนอกทวีปสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการหาผู้สนับสนุนใหม่ ๆ รวมถึงช่วยเปิดตลาดสินค้าแบรนด์ของสโมสรในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปัจจุบันถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในวงการฟุตบอลโลก
อย่างไรก็ตาม โคโม่ก็ยอมรับว่าการดำเนินการในเชิงปฏิบัติยังมีความท้าทายมากมาย ทั้งในเรื่องกฎข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลอิตาลี (FIGC) และปฏิทินการแข่งขันที่แน่นขนัดในแต่ละฤดูกาล พวกเขาจึงเสนอให้เริ่มต้นในรูปแบบของ “เกมกระชับมิตรนอกทวีป” หรือ “ทัวร์นาเมนต์พรีซีซั่น” ก่อนจะพัฒนาไปสู่การจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการในอนาคต
สิ่งที่ทำให้แนวคิดของโคโม่มีน้ำหนักมากขึ้นคือความสำเร็จของโมเดลเดียวกันในลีกอื่น เช่น ลีกซาอุดีอาระเบียที่สามารถดึงดูดนักเตะระดับโลกมาสร้างชื่อเสียงให้กับลีกได้ภายในเวลาไม่กี่ปี พวกเขาลงทุนจัดเกมระดับนานาชาติในยุโรปและเอเชียอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แบรนด์ของลีกซาอุฯ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นี่คือสิ่งที่โคโม่เชื่อว่าเซเรียอาสามารถทำได้เช่นกัน หากมีวิสัยทัศน์และการร่วมมืออย่างจริงจังจากทุกฝ่าย
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ สโมสรโคโม่ได้ทิ้งข้อความสำคัญไว้ว่า “ฟุตบอลอิตาลีมีประวัติศาสตร์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่หากเรายังไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์นั้นจะกลายเป็นเพียงอดีตที่เรายึดติดอยู่กับมัน เราต้องสร้างอนาคตใหม่ให้กับเซเรียอา เพื่อให้คนรุ่นหลังยังคงพูดถึงลีกนี้ด้วยความภาคภูมิใจ” คำพูดนี้ได้รับการแชร์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนบอลหลายคนกลับมามีความหวังกับอนาคตของฟุตบอลอิตาลีอีกครั้ง
ในระยะยาว หากแนวคิดของโคโม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลอิตาลีและสโมสรอื่น ๆ มันอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเซเรียอา เพราะการขยายฐานตลาดนอกยุโรปจะไม่เพียงช่วยเพิ่มรายได้ แต่ยังช่วยฟื้นภาพลักษณ์ของฟุตบอลอิตาลีให้กลับมาเป็นที่นิยมทั่วโลกอีกครั้ง สำหรับผู้ที่ต้องการติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของลีกนี้ และบทวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจฟุตบอล สามารถติดตามได้ผ่านทาง ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับฟุตบอลระดับโลกอย่างครบวงจร
ท้ายที่สุด แถลงการณ์ของโคโม่ไม่ได้เป็นเพียงเสียงจากสโมสรหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเสียงจากคนในวงการที่รักฟุตบอลอิตาลีอย่างแท้จริง พวกเขามองเห็นถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะเสนอแนวทางที่ชัดเจนเพื่อพาเซเรียอาก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปสู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับโลก และในยุคที่ฟุตบอลไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในสนาม แต่ยังเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี โคโม่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “เกมนอกทวีป” อาจไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือหนทางรอดที่แท้จริงของฟุตบอลอิตาลีในศตวรรษนี้.