Browse By

Monthly Archives: October 2025

โคโม่ แถลงชี้เกมนอกทวีปคือทางรอดเซเรียอา

สโมสร โคโม่ ทีมจากศึกกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่สร้างความสนใจในวงการฟุตบอลยุโรปอย่างมาก หลังผู้บริหารของทีมระบุชัดว่า “การขยายตลาดฟุตบอลอิตาลีออกไปนอกทวีปยุโรป” คือหนทางเดียวที่จะช่วยให้เซเรียอารอดพ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจและกลับมามีศักยภาพในการแข่งขันกับลีกยักษ์ใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก ลาลีกา และบุนเดสลีกาอีกครั้ง แถลงการณ์ดังกล่าวได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง เนื่องจากถือเป็นการเปิดมุมมองใหม่ของสโมสรขนาดกลางในอิตาลีที่กล้าออกมาชี้ทิศทางอนาคตของวงการฟุตบอลประเทศตนเอง จุดเริ่มต้นของถ้อยแถลงนี้มาจากการที่โคโม่ ซึ่งมีเจ้าของเป็นกลุ่มนักลงทุนจากอินโดนีเซีย นำโดยตระกูลฮาร์โตโน ได้แสดงความกังวลถึงแนวโน้มของเซเรียอาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่รายได้รวมของลีกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับลีกชั้นนำในยุโรป แม้ลีกอิตาลียังคงมีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่และสโมสรที่เป็นตำนานมากมาย แต่ในเชิงการตลาดและความนิยมทั่วโลกกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มแฟนบอลรุ่นใหม่ที่หันไปติดตามฟุตบอลอังกฤษและสเปนมากกว่า ในแถลงการณ์ของโคโม่ได้ระบุว่า “ฟุตบอลอิตาลีต้องกล้าก้าวออกจากกรอบเดิม ต้องกล้าออกไปเล่นนอกทวีปยุโรป เพื่อสร้างฐานแฟนใหม่ในเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ การจำกัดตัวเองอยู่ในตลาดยุโรปเท่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ลีกเราหยุดนิ่งและค่อย ๆ ถอยหลัง” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงแนวคิดที่ล้ำสมัยและกล้าเสี่ยง ซึ่งต่างจากแนวทางอนุรักษ์นิยมของหลายสโมสรใหญ่ในอิตาลีที่ยังคงพึ่งพารายได้จากสิทธิ์ถ่ายทอดสดภายในประเทศเป็นหลัก โคโม่เสนอแนวทางอย่างชัดเจนว่าลีกควรหันมาจัดการแข่งขันพิเศษหรือ “เกมนอกทวีป” ในลักษณะของทัวร์นาเมนต์ย่อยหรือแมตช์พิเศษในประเทศต่าง ๆ ที่มีฐานแฟนบอลแข็งแกร่ง เช่น อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ไทย หรือสหรัฐอเมริกา เพื่อโปรโมตแบรนด์ของเซเรียอาในตลาดใหม่ ๆ แนวทางนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการฟุตบอลโลก

เฆซุส อาเรโซ่ เลือกย้ายมา แอธเลติก บิลเบา

เฆซุส อาเรโซ่ กองหลังชาวอุรุกวัยวัย 21 ปี ได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกอย่างภาคภูมิใจหลังการตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม แอธเลติก บิลเบา ในช่วงตลาดนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า การตัดสินใจเลือกมาค้าแข้งในถิ่นซาน มาเมส คือ “ทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขา” คำพูดของอาเรโซ่กลายเป็นหัวข้อใหญ่ในวงการฟุตบอลสเปน เพราะบ่งบอกถึงการปรับตัวที่ดีเยี่ยมของนักเตะต่างชาติที่สามารถเข้ากับวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งของสโมสรบิลเบาได้อย่างกลมกลืน การย้ายของอาเรโซ่ในช่วงซัมเมอร์ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ได้รับความสนใจอย่างมากในลาลีกา เพราะบิลเบาเป็นสโมสรที่มีนโยบายชัดเจนในการใช้นักเตะจากแคว้นบาสก์เป็นหลัก การที่พวกเขาเปิดรับผู้เล่นจากอุรุกวัยรายนี้จึงสร้างความสงสัยไม่น้อยในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของอาเรโซ่กลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของทั้งสองฝ่าย เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอและได้รับการยอมรับจากแฟนบอลบิลเบาอย่างรวดเร็ว อาเรโซ่เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับสื่อสเปนว่า “ผมรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านตั้งแต่วันแรกที่มาถึง สโมสรนี้ให้ความอบอุ่นและความมั่นใจ ผมรู้ตั้งแต่ต้นว่าการตัดสินใจย้ายมาที่นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตผม” คำพูดของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความสุขและความมั่นใจในการเริ่มต้นใหม่ในยุโรป หลังจากที่เคยค้าแข้งในอเมริกาใต้กับริเวอร์เพลทในบ้านเกิดมาก่อน สิ่งที่ทำให้การปรับตัวของอาเรโซ่เป็นไปอย่างราบรื่น คือบุคลิกที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเป็นนักเตะที่ตั้งใจทำงานหนัก ไม่หวือหวาแต่มั่นคงในผลงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ากับปรัชญาของแอธเลติก บิลเบาอย่างสมบูรณ์แบบ ทีมแห่งแคว้นบาสก์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความมีวินัย ความอดทน และการเล่นเพื่อทีมมากกว่าชื่อเสียงส่วนตัว ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้คือสิ่งที่อาเรโซ่มีอยู่เต็มเปี่ยม ในแง่ของแท็กติก การมาของอาเรโซ่ช่วยเติมเต็มเกมรับของบิลเบาได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีจุดเด่นด้านความแข็งแกร่ง ความดุดันในการเข้าสกัด และความเร็วที่สามารถรับมือกับกองหน้าที่มีความคล่องตัวได้ดี นอกจากนี้เขายังมีความสามารถในการเติมเกมรุกจากแนวหลัง

ก็องปานี สมบูรณ์แบบกับบาเยิร์น

แว็งซ็องต์ ก็องปานี อดีตกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้เคยเป็นเสาหลักแห่งยุคทองของ “เรือใบสีฟ้า” กำลังได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวางหลังจากเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชของบาเยิร์น มิวนิค และสามารถปรับจูนทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันสั้น จากทีมที่เคยเผชิญปัญหาความไม่แน่นอนในยุคก่อนหน้า กลับกลายเป็นทีมที่เล่นได้อย่างมีระบบ มีพลัง และมีสไตล์การเล่นที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของบาเยิร์นยุคใหม่อย่างแท้จริง การมาของก็องปานีจึงถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่พาบาเยิร์นกลับสู่ความมั่นใจอีกครั้งในเวทีฟุตบอลยุโรป เมื่อมีการประกาศแต่งตั้งเขาเป็นกุนซือคนใหม่ของบาเยิร์น มิวนิค หลายคนอาจตั้งคำถามว่าอดีตแนวรับวัย 38 ปีที่เพิ่งเริ่มต้นเส้นทางโค้ชได้ไม่นาน จะสามารถรับมือกับสโมสรยักษ์ใหญ่ระดับนี้ได้หรือไม่ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังเข้ามา เขาก็สามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์ชัดเจนในเชิงแท็กติก บาเยิร์นของก็องปานีกลับมาเป็นทีมที่เล่นด้วยความกระหาย เกมรุกดุดันแต่สมดุลในเกมรับ ซึ่งเป็นสไตล์ที่สะท้อนถึงบุคลิกของเขาในสมัยเป็นนักเตะอย่างชัดเจน ก็องปานีเริ่มสร้างทีมบาเยิร์นด้วยแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง “ฟุตบอลที่มีวินัยและกล้าหาญ” เขาเชื่อว่าทีมใหญ่ต้องกล้าเล่น ต้องกล้าครองบอล และต้องเล่นด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากการร่วมงานกับยอดโค้ชระดับโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา สมัยอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยังนำแนวคิดเรื่องการสร้างเกมจากแดนหลังและการเพรสซิ่งสูงเข้ามาใช้กับบาเยิร์นได้อย่างลงตัว ภายใต้การนำของก็องปานี บาเยิร์นกลับมามีความมั่นใจในเกมรุกอีกครั้ง โดยใช้ระบบ 4-3-3 เป็นพื้นฐาน แต่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเป็น 3-4-2-1

เอ็มบั๊ปเป้แนะควรปล่อย ยามาล ใช้ชีวิตตามปกติ

คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติฝรั่งเศสและสโมสรเรอัล มาดริด ได้ออกมาแสดงความเห็นเชิงให้คำแนะนำกับ ลามิน ยามาล ดาวรุ่งวัยเพียง 17 ปีของบาร์เซโลน่า ซึ่งกำลังกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในวงการฟุตบอลยุโรป โดยเอ็มบั๊ปเป้กล่าวอย่างชัดเจนว่า “สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ ไม่ใช่การแบกรับความกดดันหรือถูกจับตามองมากเกินไป แต่คือการได้ใช้ชีวิตแบบเด็กคนหนึ่ง และเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ” คำพูดนี้ของเอ็มบั๊ปเป้กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับการชื่นชมจากแฟนบอลและสื่อทั่วโลก เพราะสะท้อนถึงมุมมองของนักฟุตบอลระดับโลกที่เข้าใจดีถึงแรงกดดันของชื่อเสียงในวัยเยาว์ เอ็มบั๊ปเป้เองรู้ดีว่าการเป็น “ดาวรุ่งมหัศจรรย์” ที่ถูกจับตามองตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นอย่างไร เพราะเจ้าตัวเคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วเช่นกัน ตั้งแต่สมัยที่แจ้งเกิดกับโมนาโกตอนอายุเพียง 17 ปี ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลโลกในเวลาไม่กี่ปี เขายอมรับว่า การที่ถูกคาดหวังมากเกินไปตั้งแต่ต้นสามารถทำลายเส้นทางอาชีพของนักเตะได้ หากไม่มีการบริหารจัดการทั้งด้านจิตใจและชีวิตส่วนตัวอย่างเหมาะสม “ผมเห็นหลายคนที่มีพรสวรรค์สูงแต่ไม่สามารถไปต่อได้ เพราะพวกเขาถูกกดดันตั้งแต่ยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ” เอ็มบั๊ปเป้กล่าว คำแนะนำของเอ็มบั๊ปเป้จึงมีน้ำหนักอย่างยิ่งในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะในกรณีของลามิน ยามาล ที่กลายเป็นความหวังใหม่ของทีมชาติสเปนและบาร์เซโลน่าในเวลาอันรวดเร็ว เด็กหนุ่มคนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “อัญมณีแห่งคัมป์นู” จากฝีเท้าที่เต็มไปด้วยความเร็ว ความมั่นใจ และเทคนิคการครองบอลที่เกินวัย ยามาลถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูในลาลีกาให้กับบาร์เซโลน่าได้สำเร็จ

จอร์แดน พิคฟอร์ด ทุบสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันในทัพอังกฤษ หลังเกมชนะ เวลส์ 3-0

จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ สร้างชื่ออีกครั้งในฐานะหนึ่งในนายด่านที่ดีที่สุดในโลก เมื่อเขากลายเป็นผู้เล่นที่สามารถทำลายสถิติไม่เสียประตูติดต่อกันกับทีมชาติอังกฤษได้สำเร็จ หลังจากช่วยทีมเก็บคลีนชีตในเกมที่เอาชนะเวลส์ไปด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่งนับเป็นคลีนชีตติดต่อกันเกมที่ 9 ของเขาในทัพ “สิงโตคำราม” ส่งผลให้พิคฟอร์ดกลายเป็นผู้รักษาประตูที่มีสถิติไม่เสียประตูต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษทันที ชัยชนะเหนือเวลส์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นอีกหนึ่งชัยชนะในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก แต่ยังตอกย้ำความแข็งแกร่งของแนวรับทีมชาติอังกฤษในยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ภายใต้การคุมทีมของโธมัส ทูเคิ่ล ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษหลังยุคของแกเร็ธ เซาธ์เกต ทัพสิงโตคำรามดูมีระเบียบในเกมรับมากขึ้น และมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการเล่นเกมรับจากแดนหลังไปจนถึงผู้รักษาประตู พิคฟอร์ด ซึ่งในอดีตเคยถูกตั้งคำถามเรื่องความนิ่งและการตัดสินใจ กลับกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่สุดของทีมชาติในเวลานี้ เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับสโมสรกับเอฟเวอร์ตัน และในทีมชาติอังกฤษ ความมั่นใจ การอ่านเกม และความกล้าหาญในการออกมาตัดบอลของเขาเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับเกมรับของทีมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเกมล่าสุดกับเวลส์ที่เขาเซฟลูกยิงสำคัญหลายครั้ง และคอยสั่งการแนวรับได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งเกม หลังจบการแข่งขัน พิคฟอร์ดได้ให้สัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่เคยสนใจเรื่องสถิติมากนัก แต่เมื่อคุณได้ยินว่าคุณกลายเป็นผู้รักษาประตูที่ทำคลีนชีตติดต่อกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทีมชาติอังกฤษ มันก็เป็นความรู้สึกที่พิเศษจริง ๆ” เขายังกล่าวชื่นชมเพื่อนร่วมทีมว่า “สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากผมเพียงคนเดียว ทุกคนในทีมช่วยกันตั้งแต่แนวรุกจนถึงแนวรับ ทุกคนทำงานหนักเพื่อให้เรามีเกมรับที่มั่นคงเช่นนี้” ในทางกลับกัน โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือทีมชาติอังกฤษ ก็ออกมาชื่นชมลูกทีมคนสำคัญรายนี้เช่นกัน

ฮันซี่ ฟลิค ทำงานฐานะเทรนเนอร์ทีมอาซูลกราน่าอย่างยอดเยี่ยม

ฮันซี่ ฟลิค กลายเป็นชื่อที่แฟนบอลบาร์เซโลน่าพูดถึงมากที่สุดในช่วงเวลานี้ หลังจากเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชของทีมอาซูลกราน่าได้ไม่นาน แต่กลับสามารถยกระดับฟอร์มการเล่นของสโมสรได้อย่างน่าทึ่ง เขาทำให้บาร์ซ่ากลับมามีเอกลักษณ์ในเกมรุกแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับความเป็นระเบียบในแท็กติกแบบเยอรมันได้อย่างลงตัว จนกลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้ทั้งสนุก เร้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงในเวลาเดียวกัน เมื่อบาร์เซโลน่าตัดสินใจแต่งตั้ง ฮันซี่ ฟลิค เข้ามาแทนที่ ชาบี เอร์นานเดซ หลายฝ่ายต่างตั้งคำถามว่ากุนซือชาวเยอรมันรายนี้จะสามารถรับมือกับแรงกดดันของทีมยักษ์ใหญ่ในลาลีกาได้หรือไม่ เพราะระบบฟุตบอลของสเปนและเยอรมันมีแนวทางต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ผลลัพธ์หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน ฟลิคก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคือผู้จัดการทีมที่มีทั้งมันสมองและความยืดหยุ่นพอจะปรับตัวเข้ากับสไตล์ “ติกิตาก้า” ที่เป็นเอกลักษณ์ของบาร์ซ่าได้อย่างกลมกลืน ผลงานของบาร์เซโลน่าในยุคของฟลิคเริ่มต้นด้วยความมั่นใจ เขาเน้นเกมเพรสซิ่งสูงตามแบบฉบับของทีมเยอรมัน แต่ยังคงรักษาการครองบอลที่แม่นยำและการต่อบอลสั้นอันเป็นจุดแข็งของบาร์ซ่าไว้ได้อย่างลงตัว ทีมดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักเตะหลายคนที่เคยฟอร์มตกในยุคก่อนหน้าอย่าง เฟร์ราน ตอร์เรส, ราฟินญ่า หรือแม้แต่แฟรงกี้ เดอ ยอง กลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง ขณะที่บรรดาดาวรุ่งอย่างลามิน ยามาล และกาบี ก็ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด สิ่งที่ทำให้ฟลิคได้รับคำชมเป็นพิเศษ คือความสามารถในการบริหารทีมแบบสมดุล เขาไม่เพียงเน้นแท็กติก แต่ยังให้ความสำคัญกับจิตวิทยาการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม ตัวอย่างที่เห็นชัดคือการจัดระบบหมุนเวียนนักเตะอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าผู้เล่นคนใดจะได้ลงสนาม ทุกคนรู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน